วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แนะนำ หอผู้ป่วย รพ.รร.จปร

บริการหอผู้ป่วย รพ.รร.จปร













โรงพยาบาลบี.แคร์ เสนอบริการห้องพักพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อให้ผู้ป่วยเลือกพักได้ตามความต้องการ ห้องพักทุกประเภทได้รับการออกแบบ เพื่อความสะดวก และปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย









สิทธิการรักษา
VIP
พิเศษเดี่ยว
พิเศษรวม
สามัญ
อาหาร
ส่วนเกินสิทธิ์
หมายเหตุ
สามัญ
พิเศษ
ใน กห.
นอก กห.
เบิกได้/จ่ายตรง
(600บ./คน/วัน)
400
-
-
-
-
200
200
200
-
-
400
-
-
-
200
100
100
-
-
-
400
-
-
200
-
-
-
-
-
400
-
-
200
-
-
-
ประกันสังคม
(700บ./คน/วัน)
-
500
-
-
-
200
-
-
-
บัตรทอง
-
-
-
200
100
-
-
-
ส่วนเกินจ่ายตามจริง
พรบ.
-
-
-
200
100
-
-
-
ส่วนเกินจ่ายตามจริง
ชำระเงินเอง
600
-
-
-
100
200
-
-
ส่วนเกินจ่ายตามจริง
-
500
-
-
100
200
-
-
ส่วนเกินจ่ายตามจริง
-
-
400
-
100
200
-
-
ส่วนเกินจ่ายตามจริง
-
-
-
200
100
200
-
-
ส่วนเกินจ่ายตามจริง

หมายเหตุ :
* คิดส่วนเกินสิทธิ์ในกรณีที่ผู้ป่วยได้นอนจริงในห้อง VIP หรือห้องพิเศษเดี่ยวเท่านั้น
* ผู้ป่วยสิทธิ์บัตรทอง, พรบ. ต้องการนอนห้อง VIP ,ห้องพิเศษเดี่ยว, ห้องพิเศษรวม ให้คิดอัตราค่าห้องค่าอาหาร เช่นเดียวกับผู้ป่วยชำระเงินเอง
* ผุ้ป่วยสิทธิ์ประกันสังคม ไม่ว่านอนห้องใด (ยกเว้นห้อง VIP) ให้คิดอัตราค่าห้อง-ค่าอาหารตามที่กำหนด
* ผู้ป่วยสิทธิ์ชำระเงินเอง ต้องการนอนห้อง VIP, ห้องพิเศษเดี่ยวหรือห้องพิเศษรวม จะต้องได้รับอาหารแบบพิเศษ ถ้าต้องการนอนเตียงสามัญต้องได้รับอาหารสามัญเท่านั้น
* ห้อง VIP และห้อง 507 สงวนไว้เพื่อสำรองตามแผนการแพทย์ กองอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัยบุคคลสำคัญ รพ.รร.จปร และจะต้องแจ้ง ผอ.รพ.รร.จปร ก่อนทุกครั้ง
* ทั้งนี้ ทุกสิทธิ์การรักษา จะต้องมีค่าบริการทางการพยาบาล 300 บาท/วัน

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

6 ทิปส์ จิบกาแฟเพื่อสุขภาพ

"6 ทิปส์ จิบกาแฟเพื่อสุขภาพ”

อัพเดทความรู้ใหม่ และสลัดความเชื่อเก่าที่ผิดๆ เรื่องกาแฟทิ้ง...เพราะมันให้คุณมากกว่าโทษ ถ้าคุณรู้จักดื่ม และนี่คือ 6 ข้อเท็จจริงที่เราเอามาป่าวประกาศ

ไม่รู้ใช่มั้ย...กาแฟช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคพาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำ และสำหรับนักกีฬาจะช่วยเพิ่มความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน ต้องดื่มบ่อยๆ...สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง แนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เพราะกาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาที และจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย

กาแฟดีกว่าไวน์และชาสมุนไพร...เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพร และไวน์แดง


ระวังไว้นิดก็ดี...องค์ประกอบหลักของกาแฟคือ สารกาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่มีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หรือเต้นผิดปกติในบางครั้ง และเพิ่มความดันโลหิต งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดกาเฟอีนช้า ทำให้กาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดกาเฟอีนได้เร็วกาแฟก็จะไม่มีผล

อะไรที่มากหรือน้อยเกินพอดีล้วนมีโทษทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์
ก็ต้องเลือกในปริมาณ และรสชาติที่เกินพอดีแล้ว จะมีความสุขกับกาแฟแก้วโปรดไปอีกนานๆ



ที่มา : http:// members.tripod.com/rnpong/ -คุยเฟื่องเรื่องสุขภาพ
จัดทำโดย...สมาชิกหอผู้ป่วยใน รพ.รร.จปร กลุ่มที่ 5 (12 ก.ย.51)

อาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล

“อาหาร 6 อย่าง ช่วยลดคอเลสเตอรอล”

มะเขือต่างๆ
ทั้งมะเขือเทศ มะเขือเปราะ หรือมะเขือพวง อย่างมะเขือเทศก็จะมีทั้งวิตามินซี รวมทั้งมีสารเบต้าแคโรทีน และแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์อีกหลายชนิด



หอมหัวใหญ่
ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ลดระดับไขมัน คอเรสเตอรอลในเส้นเลือด และสารที่สกัดจากหัวหอมใหญ่ สามารถลดน้ำตาลในเส้นเลือดได้


กระเทียมสด
มีสรรพคุณในเรื่อง ของการช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ลดระดับไขมัน และคอเรสเตอรอลในเส้นเลือด



ถั่วเหลือง
พืชตระกูลถั่วที่ให้โปรตีนสูง

แอปเปิ้ล
ผลไม้สารพัดประโยชน์ที่มีเพคติน ซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งไฟเบอร์ประเภทนี้ จะดึงคอเลสเตอรอล แล้วขับออกมาจากร่างกายได้ นอกจากนั้นก็ยังช่วยบำรุงหัวใจ ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในร่างกาย



โยเกิร์ต
ที่นอกจากจะช่วย ลดระดับคอเลสเตอรอล ในเลือดได้แล้ว ก็ยังบำรุงผิวพรรณ ให้เปล่งปลั่งอีกด้วย

ที่มา : http://learn.chanpradit.ac.th/ -สุขภาพ
ด้วยความห่วงใย...พ.ต.หญิงรุ่งอรุณ วัฒยากร (1 ก.ย.51)

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

หลักการบริโภคอย่างที่มีสุขภาพดี

“หลักการบริโภคอย่างที่มีสุขภาพดี”

1. กินอาหารธรรมชาติเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะร่างกายต้องการสารอาหารที่บริสุทธิ์ปราศจากการปรุงแต่ง

2. กินอาหารที่ไม่ขักสี เช่นข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท เนื่องจากข้าวซ้อมมือมีเส้นใยสูง อีกทั้งยังมีสารอาหารอีกหลายชนิด เช่น Folic acid, Niacin, วิตามิน B1, วิตามิน B6 ,DNA / RNA
3. กินอาหารที่มีเส้นใย ผลไม้และ ผักสด อาหารที่มีเส้นใยสูง ได้แก่ ข้วกล้อง ผัก ผลไม้ บางชนิด เช่น ฝรั่ง มะม่วง มะขาม เป็นต้น ส่วนผักสด และ ผลไม้นั้น การกินผักสด ทำให้ได้วิตามิน และเอมไซด์ ส่วนผลไม้ นั้นให้วิตามิน และแร่ธาตุ

4. กินอาหารเนื้อสัตว์น้อยที่สุด หรือไม่กินเลย เนื่องจากเนื้อสัตว์ มักมียาปฏิชีวนะ สเตรียรอยด์ ตกค้างอยู่ ซึ่งจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้ นอกจากนี้ ร่างกายของมนุษย์ ไม่เหมาะกันการกินเนื้อสัตว์ เนื่องจากลำไส้ของมนุษย์ยาวกว่าสัตว์กินเนื้อถึง 20 เท่า ทำให้เนื้ออยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน จนอาหารเน่า ทำให้เกิดการแพร่กระจายของแบคทีเรีย อีกทั้งการย่อยเนื้อต้องใช้พลังงานมาก
5. เน้นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เพาะถั่งเหลืองประกอบด้วยโปรตีนจากพืชและไฟโตอีสโตรเจน

6. ผลิตภัณฑ์ประเภทนมควรแน่ใจแหล่งผลิต
7. ให้ระมัดระวังอาหารที่มีไขมัน งดไขมันจากสัตว์ หลีกเลี่ยงไขมันที่ผ่านกระบวนการที่ใช้ความร้อนสูง
8. หลีกเลี่ยงอาหารสังเคราะห์หรืออาหารที่ผลิตจากแป้งขาว น้ำตาลทรายขาว




ที่มา : http:// members.tripod.com/rnpong/ -คุยเฟื่องเรื่องสุขภาพ
จัดทำโดย...สมาชิกหอผู้ป่วยใน รพ.รร.จปร กลุ่มที่ 4 (28 ส.ค.51-4 ก.ย.51)